“ร้านขายของชำ” หรือร้านโชห่วย เป็นหนึ่งในธุรกิจที่หลายคนคุ้นชิน และเคยเห็นกันมาโดยตลอด ซึ่งร้านขายของชำเองก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจยอดฮิต สำหรับผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถจัดการดูแลได้ง่าย และถ้าหากคุณกำลังสนใจที่จะเปิดร้านเป็นของตัวเองอยู่เหมือนกัน หรือหากคุณมีร้านเป็นของตัวเองอยู่แล้ว วันนี้เรามีเทคนิคการจัดร้าน ที่จะช่วยให้คุณขายดีมากยิ่งขึ้น มาดูว่าเทคนิคที่ว่านั้นคืออะไร?

แนะเคล็ดลับทำร้านขายของชำ

ถึงแม้ว่าร้านขายของชำจะเป็นร้านที่ดูเหมือนไม่ได้บริหารยากอะไร ดูเหมือนว่าจะขายได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่เนื่องจากในปัจจุบันนี้มีร้านสะดวกซื้อเปิดให้บริการเยอะมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อของที่ร้านชำ คุณควรมีวิธีการจัดร้านขายของชําให้น่าเข้า และมีการวางแผนให้ร้านของคุณน่าสนใจ โดยคุณสามารถทำได้ดังนี้

1. เลือกทำเลที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี

“ทำเลที่ตั้ง” ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้ยอดขายในแต่ละวันแต่ละเดือนสูงมากขึ้น ควรมองหาทำเลเปิดร้านที่สามารถมองเห็นได้ง่าย หากเป็นการเปิดร้านโชห่วย การเลือกเปิดในแหล่งชุมชน จะถือเป็นทำเลที่ตอบโจทย์และดีที่สุด หรือถ้าจะให้ดีมากยิ่งขึ้น ควรเป็นทำเลที่มีที่จอดรถด้วยจะดีมากทีเดียว

2. สำรวจคู่แข่งพร้อมวางกลยุทธ์ให้ดี

อย่างที่เราได้กล่าวไปในตอนต้น เนื่องจากในปัจจุบันร้านสะดวกซื้อเปิดให้บริการค่อนข้างเยอะ หากคุณจะเปิดร้านขายของชำคุณอาจจะต้องสำรวจคู่แข่ง และวางกลยุทธ์ให้ร้านของคุณดูน่าสนใจดูน่าเข้ามากกว่า อาจสำรวจจากความต้องการของคนซื้อส่วนใหญ่ สังเกตสอบถามว่าลูกค้ามักที่จะเลือกซื้อของประเภทไหน และนำเอาของประเภทนั้นมาวางขายในร้าน เพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามามากขึ้น

3. เตรียมอุปกรณ์ที่สำคัญต่อการจัดวางสินค้า

ไม่ว่าจะเป็นร้านชำเล็ก ๆ หรือร้านชำขนาดใหญ่ การจัดร้านขายของชําให้น่าเข้า ก็มีความสำคัญไม่แพ้สินค้าที่จะเอามาวางขายเช่นเดียวกัน โดยอุปกรณ์ที่จะช่วยทำให้ร้านดูน่าสนใจ ที่เราอยากแนะนำให้กับคุณมีดังนี้

• อุปกรณ์สำหรับการสต๊อกสินค้า เช่น ป้ายติดราคาหรือบาร์โค้ด, รายการสต๊อกสินค้าในร้าน, อุปกรณ์ทำความสะอาดชั้นวาง และอุปกรณ์ทำความสะอาดร้าน เป็นต้น โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยทำให้สต๊อกสินค้าภายในร้านมีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น สามารถเช็กของได้ง่าย และสินค้าดูสะอาดน่าซื้อ
• อุปกรณ์สำหรับการขาย เช่น ชั้นวางสินค้า, ตู้แช่ต่าง ๆ , เคาน์เตอร์สำหรับคิดเงิน, ถุงใส่สินค้าหลายขนาด และป้ายโฆษณาสินค้า เป็นต้น โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นสินค้าได้ง่าย ลูกค้าจะสามารถหาของได้ง่าย เห็นสินค้าใหม่ ๆ และคิดเงินได้อย่างสะดวกสบาย

4. วางแผนการตลาดอย่างสม่ำเสมอ

ถึงแม้ร้านของคุณจะเป็นร้านขายของชำ ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อที่มีการติดแอร์ แต่การวางแผนการตลาดอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ร้านของคุณมียอดขายสูงได้เช่นเดียวกัน

• กลยุทธ์การตั้งราคา : การตั้งราคาลงท้ายด้วยเลข 9, ตั้งราคาขายสินค้าแบบแพ็คคู่คุ้มกว่า และการตั้งราคาถูกกว่าคู่แข่งเล็กน้อย จะทำให้ลูกค้าเปลี่ยนมาซื้อของที่ร้านของคุณได้
• กลยุทธ์ช่องทางการขาย : เลือกขายทั้งแบบออฟไลน์ และแบบออนไลน์ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้แก่ร้านของคุณ
• กลยุทธ์กระตุ้นยอดขาย : จัดทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี

5. ลงทุนกับโซลูชันที่ช่วยจัดการระบบหลังบ้าน

สำหรับร้านโชห่วยแล้ว ระบบหลังบ้านอย่างระบบ ตรวจสอบสลิปโอนเงิน ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก หากคุณมีระบบที่สามารถช่วยตรวจเช็กสลิปการโอนเงินแบบรวดเร็ว คุณจะสามารถวางใจเกี่ยวกับการโดนปลอมสลิป หรือการใช้สลิปซ้ำได้ และลูกค้าจะไม่รู้สึกว่าคุณใช้เวลานานในการตรวจสอบ เพราะเพียงแค่ถ่ายรูปสลิปแล้วส่งเข้าไปในไลน์ OA หรือไลน์กลุ่มร้านค้าที่ติดตั้งระบบตรวจสอบสลิปของ Thunder อยู่ ก็รู้ผลทันที โดยระบบของ Thunder Solution นั้นนอกจากจะตรวจสอบสลิปปลอมได้อย่าแม่นยำแล้ว ยังมีระบบบันทึกรายจ่ายที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำไปตรวจสอบบัญชีย้อนหลังได้ และยังมีการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นระบบหลังบ้านที่ตอบโจทย์อย่างมาก สำหรับร้านขายของที่จะมีการซื้อ-ขายตลอดทั้งวัน อย่างร้านชำ

สรุปบทความ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเทคนิค และวิธีจัดร้านขายของชําให้น่าเข้าที่เราได้นำเอามาฝากในวันนี้ สำหรับผู้ที่เปิดร้านขายของอยู่ หรือผู้ที่กำลังมีความสนใจ อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากจะเปิดร้านค้าเป็นของตัวเอง สามารถนำเอาเทคนิคที่เรานำมาฝากไปปรับใช้กับร้านของคุณได้เลย รับรองว่าเพียงเท่านี้ ร้านของคุณก็จะมีคนเข้าเยอะมากขึ้น จะมีลูกค้าเยอะมากขึ้น และสามารถเพิ่มยอดขายในแต่ละเดือนได้เยอะขึ้นอย่างแน่นอน!!

หากเป็นยุคก่อน การจะเลือกซื้อสินค้า หรือการจะช้อปปิ้งสินค้าหลายชิ้น หลายประเภท สถานที่ที่เราจะต้องไปเพื่อเลือกซื้อสินค้า ก็คงจะต้องเป็นห้างสรรพสินค้า หรือตลาดต่าง ๆ ที่มีสินค้าที่เราต้องการวางขาย แต่ในยุคปัจจุบันที่ความทันสมัย และเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิต ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป คนหันมาซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการหรือคนขาย ก็ต้องมีการปรับตัวให้ทันโลกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะมาพาไปทำความรู้จักกับ Marketplace แหล่งช้อปปิ้งยุคออนไลน์ มาดูกันว่า Marketplace คืออะไร มีจุดเด่น และมีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง

Marketplace คืออะไร

Marketplace คือช่องทางสำหรับการซื้อสินค้าขนาดใหญ่บนโลกออนไลน์ เป็นช่องทางที่มีการรวบรวมสินค้าประเภทต่าง ๆ หลากหลายประเภทเอาไว้ในช่องทางเดียว ซึ่งผู้ขายจะสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ หรือเปิดหน้าร้านสำหรับการขายสินค้าของตัวเองได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างเว็บไซต์หรือสร้างแอปพลิเคชันขึ้นมาเอง และผู้ซื้อก็จะสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านทางช่องทางนี้ได้ รวมถึงสามารถพูดคุยกับผู้ขายผ่านทางช่องทางนี้ได้เลยเช่นเดียวกัน

จุดเด่นของการขายสินค้าบน Marketplace

• เป็นช่องทางการซื้อ-ขาย ที่สะดวก และรวดเร็ว เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถซื้อ-ขาย สินค้าได้ทันที
• Marketplace เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขายสินค้า ทำให้ผู้ขายมีหน้าร้านเพิ่มมากขึ้น มีโอกาสขายสินค้าได้เยอะมากขึ้นกว่าเดิม
• Marketplace สามารถลดข้อจำกัดเกี่ยวกับสถานที่ได้ สำหรับผู้ที่ไม่มีเงินทุนในการเปิดหน้าร้าน หรือการเช่าพื้นที่ สามารถขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ฟรี
• สามารถทำการซื้อ-ขาย ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีเวลาเปิด-ปิด เป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้มีมากขึ้นกว่าเดิม
• Marketplace เป็นช่องทางขายสินค้าที่ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่อาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อสินค้าชิ้นนั้น ๆ ขายได้ นั่นเท่ากับว่าคุณจะสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับการเช่าวางขายลงได้นั่นเอง

แพลตฟอร์ม Marketplace มีอะไรบ้าง

ในปัจจุบันช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ หรือ Marketplace มีหลายช่องทางด้วยกัน สำหรับผู้ขายที่ต้องการจะลงขายสินค้า แต่ไม่รู้ว่า Marketplace มีอะไรบ้าง เราได้รวบรวมช่องทางที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย และในหลาย ๆ ประเทศมาให้แล้วที่ด้านล่างนี้

Shopee 

“Shopee” เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อ-ขายออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้ คือความหลากหลายของสินค้า เป็นช่องทางที่มีสินค้าให้เลือกหลายแบบ หลายประเภท แถมยังมีโปรโมชั่นส่วนลดที่ดึงดูดให้ผู้ซื้อ และมีแคมเปญสะสม Coin ทำให้นักช้อปหลายคนติดใจ เลือกช้อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มนี้เป็นจำนวนมากต่อวัน

Lazada

ในประเทศไทย อีกหนึ่งแพลตฟอร์ม Marketplace ที่ได้รับความนิยม และหลายคนรู้จัก ได้แก่ “Lazada” หากเปรียบเทียบกับ Shopee แล้ว Lazada เองก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันมาก ทั้งในเรื่องของรูปแบบการซื้อ-ขาย หรือฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างเช่น ส่วนลด Lazada เองสามารถดึงดูดนักช้อปให้เข้ามาใช้งานได้เยอะเช่นเดียวกัน

Tik Tok Shop 

แพลตฟอร์ม “Tik Tok Shop” เป็นแพลตฟอร์ม Marketplace น้องใหม่ที่ต้องบอกได้เลยว่ามาแรงสุด ๆ ในตอนนี้ เนื่องจากในช่วงหลังมานี้แอปพลิเคชัน Tik Tok กลายมาเป็นแอปพลิเคชันยอดฮิตของคนทั่วโลก นอกจากจะสามารถทำคลิปเพื่อแชร์เรื่องราวได้แล้ว ยังสามารถซื้อ-ขายผ่านทางแอปพลิเคชันนี้ได้ด้วย หากผู้ขายทำคลิปในช่องได้น่าสนใจ จะยิ่งช่วยกระตุ้นเพิ่มยอดขายได้อย่างดี

Facebook Marketplace 

“Facebook Marketplace” จัดเป็นแพลตฟอร์ม Marketplace ที่เป็นช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ ที่สามารถลงขายสินค้าได้ง่ายมากที่สุด สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะลงขายสินค้า เพียงแค่มีบัญชีผู้ใช้งาน Facebook ก็สามารถโพสต์รูปสินค้า รายละเอียดสินค้า และราคาของสินค้า ลงขายใน Facebook Marketplace ได้เลย ไม่ต้องไปสมัครบัญชีแยกให้วุ่นวาย

Kaidee

สำหรับจุดเด่นของแพลตฟอร์ม “Kaidee” คือสินค้าที่ลงขายบนแพลตฟอร์มนี้ จะค่อนข้างมีความหลากหลาย มีให้เลือกซื้อทั้งสินค้าใหม่ และสินค้ามือสอง อีกทั้งยังสามารถลงขายได้ทั้งสินค้าชิ้นเล็ก ไปจนถึงสินค้าชิ้นใหญ่ ๆ อย่างเช่น รถยนต์, บ้านมือสอง และอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มนี้จึงมีกลุ่มนักช้อปเข้ามาหาสินค้าเป็นจำนวนมาก สำหรับผู้ขายที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้มีมากยิ่งขึ้น ช่องทางนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์เช่นกัน

ข้อควรระวังในการขายสินค้าผ่าน Marketplace

ในเมื่อเราได้มีการพูดถึงข้อดีของการลงขายสินค้า ผ่านทาง Marketplace กันไปแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ขายที่กำลังจะตัดสินใจลงขายสินค้าผ่านทาง Marketplace เราจึงอยากจะขอพูดถึงข้อควรระวังเกี่ยวกับการขายสินค้าผ่านทางนี้กันบ้าง สำหรับข้อควรระวังของการขายผ่านทาง Marketplace คือ

1. คู่แข่งทางการตลาด เนื่องจากในแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นช่องทางที่ใคร ๆ ก็สามารถลงขายสินค้าได้ นั่นเท่ากับว่าจะทำให้คุณมีคู่แข่งทางการตลาดมากขึ้น ดังนั้นคุณจะต้องมีการวางแผนการโปรโมทให้ดี
2. การฉ้อโกง หากเป็นการขายผ่านทางออนไลน์ อาจเกิดการฉ้อโกงอย่างการปลอมแปลงสลิปได้ง่าย แต่หากคุณมีระบบหลังบ้าน และมีการเลือกใช้ระบบ ตรวจสอบสลิปโอนเงิน ของ Thunder Solution เป็นตัวช่วย คุณจะสามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ทันที แบบไม่ต้องมานั่งกังวล

Marketplace กับ Ecommerce เหมือนกันไหม

สำหรับแพลตฟอร์ม Marketplace จะเป็นเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน หรือเป็นช่องทางการขายสินค้ากลาง ที่มีร้านค้า และมีผู้ขายหลาย ๆ เจ้า นำสินค้ามาขายไว้ในที่เดียวกัน โดยที่ผู้ขายไม่ต้องสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของตัวเองขึ้นมา แต่สำหรับ Ecommerce จะเป็นเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ที่เจ้าของของสินค้าหรือผู้ประกอบการ มีการจัดทำขึ้นเพื่อการขายสินค้าของตัวเองโดยเฉพาะ ผู้ขายรายอื่นจะไม่สามารถนำสินค้ามาขายที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณได้ ซึ่งทั้ง Marketplace และ Ecommerce จะแตกต่างกันในส่วนนี้ แต่ทั้ง 2 รูปแบบการขาย ต่างก็มีข้อดีเฉพาะของตัวเองที่แตกต่างกันด้วย

สรุปบทความ

ทั้งหมดนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับ Marketplace แพลตฟอร์มซื้อ-ขายออนไลน์ ที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ขาย ที่เราได้นำเอามาฝากกัน หากคุณอ่านมาถึงบทสรุปส่งท้าย คงจะเข้าใจแล้วว่า Marketplace คืออะไร มีข้อดีอย่างไร และมีแพลตฟอร์มไหนบ้างที่น่าสนใจ 

อย่างที่กล่าวไปว่า Marketplace เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่ว่าใครก็สามารถลงขายสินค้าได้ ถ้าหากคุณอยากเพิ่มช่องทางในการขายสินค้า หรืออยากเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้มีมากขึ้น อย่ามัวรอช้า รีบสมัครแพลตฟอร์ม Marketplace ที่เหมาะสมกับสินค้าที่คุณมี และทำการลงขายสินค้าได้ทันทีในตอนนี้!!

แน่นอนว่าการเป็นเจ้านายตัวเอง หรือการทำธุรกิจส่วนตัว คือสิ่งที่แทบจะทุกคนต้องการ เนื่องจากการเป็นเจ้านายตัวเองหรือการเปิดธุรกิจส่วนตัว เป็นรูปแบบการทำงานที่ไม่ต้องปวดหัว ไม่ต้องเหนื่อยกับการเจอเพื่อนร่วมงานไม่ดี หรือเจ้านายที่เอาเปรียบ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าการจะทำธุรกิจ หรือการจะเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ในทันที ดังนั้นหากคุณกำลังมีความฝันอยากเป็นนายตัวเอง ไม่อยากทำงานเป็นลูกน้องไปตลอดชีวิต เรามีข้อแนะนำที่จะช่วยให้ความฝันของคุณเป็นจริงง่ายขึ้น นำเอามาฝากกัน

สิ่งที่ควรเรียนรู้ก่อนทำธุรกิจส่วนตัว

อย่างที่เราได้มีการเกริ่นไปในตอนต้นแล้วว่า การทำธุรกิจส่วนตัวให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็จะสามารถทำได้ง่าย ๆ แต่การเริ่มทำธุรกิจอย่างถูกวิธี และการทำธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็สามารถทำให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น และหากคุณอยากให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้ นี่คือสิ่งที่คุณควรเรียนรู้ก่อนเริ่มต้น หากคิดจะเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเอง 7 สิ่งนี้ คือสิ่งสำคัญ

1. มองหาธุรกิจที่ใช่ และรับมือได้

ก่อนที่จะเริ่มต้นเปิดธุรกิจส่วนตัว หรือเริ่มลงทุนทำธุรกิจ คุณจะต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า จริง ๆ แล้วตัวคุณนั้นเหมาะกับธุรกิจอะไร ตัวคุณชอบและถนัดในเรื่องอะไรเป็นพิเศษ เพราะการทำธุรกิจที่ตัวคุณมีความรู้ หรือเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณชอบ จะทำให้คุณรู้วิธีการจัดการ รวมถึงสามารถรับมือ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้จริง

2. เรื่องเงินทุนเป็นปัจจัยสำคัญ

ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจส่วนตัวประเภทใดก็แล้วแต่ สิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดก็คือ “เงินทุน” ดังนั้นก่อนที่คุณจะเริ่มลงทุนกับธุรกิจ คุณควรที่จะมีการจัดการวางแผนการเงินให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่าใช้จ่ายระยะแรกเริ่มทำธุรกิจ, ค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน, ค่าใช้จ่ายสำหรับการต่อยอด รวมถึงต้องวางแผนสำรองสำหรับกรณีที่อาจเกิดปัญหาการขาดทุนด้วย

3. สร้างกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจ

เมื่อคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจแล้ว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ และห้ามมองข้ามอย่างเด็ดขาด ถ้าหากอยากให้ธุรกิจประสบความสำเร็จไปได้ดีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ คือกลยุทธ์และการวางแผนธุรกิจ โดยเราจะขอยกส่วนประกอบของแผนธุรกิจคร่าว ๆ มาเป็นแนวทางให้กับคุณดังนี้

• รายรับ : คุณจะต้องมีการวางแผน และรู้ว่ารายรับของคุณจะมาจากที่ไหน และได้อย่างไร
• รายจ่าย : ต้องมีการคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ
• กำไร : ต้องคำนวณให้ดีว่าหลังจากหักต้นทุนไปแล้ว กำไรจะอยู่ที่เท่าไหร่ มีความคุ้มหรือไม่
• พื้นที่ : หากเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยพื้นที่ในการดำเนินการ จะต้องมีการวางแผนพื้นที่เพื่อการใช้สอยอย่างคุ้มค่า และลดต้นทุน
• วางกลยุทธ์การตลาด : จะต้องมีการคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับการทำการตลาด ทำอย่างไรให้ผู้บริโภครู้จักกับธุรกิจของคุณ ทำอย่างไรถึงจะดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาได้

4. ศึกษากลุ่มเป้าหมายให้ดี

หากอยากให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ง่าย และประสบความสำเร็จได้เร็ว สิ่งสำคัญที่ผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวจะต้องหาข้อมูลอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเปิดธุรกิจส่วนตัว คือคุณจะต้องมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย และจะต้องมีการศึกษากลุ่มเป้าหมายให้ดี เพราะข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก คุณสามารถที่จะนำเอาข้อมูลที่ได้ไปต่อยอดในเรื่องของสินค้า การบริการ รวมถึงสามารถนำไปทำการตลาดต่อได้อย่างตรงจุด

5. เรียนรู้แนวทางของคู่แข่ง

นอกจากกลุ่มเป้าหมาย จะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจแล้ว “คู่แข่ง” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งหากคุณรู้เกี่ยวกับคู่แข่งในตลาดมากเท่าไหร่ รู้แนวทางของคู่แข่งมากแค่ไหน จะยิ่งทำให้คุณได้เปรียบคู่แข่งมากขึ้นเท่านั้น เพราะคุณจะรู้วิธีที่ทำให้ธุรกิจของคุณตอบโจทย์มากกว่าธุรกิจของคู่แข่งได้ อีกทั้งยังจะมองเห็นจุดอ่อนของธุรกิจตัวเอง และนำเอาจุดแข็งของคู่แข่งมาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ด้วย

6. ทดสอบตลาดจริง

ต่อให้ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวคุณจะมีการวางแผนกลยุทธ์ และวางแผนการตลาดมาดีแค่ไหนก็ตาม แต่เพื่อให้ทั้งหมดที่ทำมาได้ประสิทธิภาพสูงสุด เราขอแนะนำว่าก่อนที่คุณจะลงมือทำธุรกิจ คุณควรที่จะลองทำการทดสอบตลาดจริงดูก่อน เพื่อให้คุณประเมินได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้น เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้หรือไม่ การทดสอบตลาดจะทำให้คุณมองเห็นข้อผิดพลาด รวมถึงได้วิธีที่จะทำให้ตอนลงมือจริงประสบความสำเร็จ เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้

7. มองหาโซลูชันช่วยจัดการระบบหลังบ้าน

ในการทำทำธุรกิจส่วนตัว ยิ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเปิดไม่นาน โซลูชันระบบหลังบ้านมักจะเป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามอยู่เสมอ แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว โซลูชันระบบหลังบ้าน คือสิ่งที่มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างมากทีเดียว ยิ่งหากมีการวางระบบตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดปัญหาติดขัดที่อาจเกิดในอนาคตได้หลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น การเลือกใช้ระบบ ตรวจสอบสลิปโอนเงิน ของ Thunder Solution ที่ระบบมีความแม่นยำ คุณจะสามารถตรวจสอบการปลอมแปลงสลิปโอนเงิน การส่งสลิปซ้ำได้ในระยะเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งโซลูชันนี้จะช่วยป้องกันการโดนโกง และลดความเสี่ยงการขาดทุนได้ อีกทั้งยังเป็นระบบหลังบ้านที่สามารถดูยอดขายย้อนหลังได้หลายสาขา ตอบโจทย์สำหรับเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องการความรวดเร็ว และความถูกต้องแม่นยำ

สรุปบทความ

สำหรับผู้ที่มีความฝันอยากเป็นนายตัวเอง อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับ 7 สิ่งที่ควรเรียนรู้ก่อนเปิดธุรกิจส่วนตัว ที่เรานำเอามาฝากกันในวันนี้ หากคุณรู้แล้วว่าคุณอยากที่จะทำธุรกิจอะไร และได้มีการศึกษาหาข้อมูลตามข้างต้นมาอย่างดีแล้ว ก็สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจ เริ่มต้นทำตามความฝันได้เลย และหากคุณอยากให้ธุรกิจของคุณได้กำไรต่อเดือน หรือได้กำไรต่อปีตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ ในระหว่างทางอย่าลืมที่จะอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ธุรกิจของคุณก็จะไปได้ไกลตามที่ตั้งเป้าเอาไว้แล้ว

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในทุกด้านของชีวิตประจำวัน การทำธุรกรรมทางการเงินก็ไม่ได้รับการยกเว้น “โมบายแบงค์กิ้ง” กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับโมบายแบงค์กิ้งและเหตุผลที่ทำให้มันเป็นที่นิยมในยุคดิจิทัล

โมบายแบงค์กิ้งคืออะไร?

โมบายแบงค์กิ้ง (Mobile Banking) คือบริการทางการเงินที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินให้บริการผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน ชำระบิล ตรวจสอบยอดเงิน หรือจัดการบัญชี

ทำไมโมบายแบงค์กิ้งถึงเป็นที่นิยมในยุคดิจิทัล?

1. ความสะดวกสบาย

โมบายแบงค์กิ้งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องไปที่ธนาคารหรือหน้าตู้ ATM อีกต่อไป

2.  ความรวดเร็ว

การทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงค์กิ้งเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว เพียงแค่คลิกไม่กี่ครั้ง ผู้ใช้ก็สามารถโอนเงินหรือชำระบิลได้ทันที

3. การเข้าถึงที่ง่ายดาย

ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีหรือการดูประวัติการทำธุรกรรม ทุกสิ่งสามารถทำได้เพียงแค่ปลายนิ้ว

4. ความปลอดภัย

แอปพลิเคชันโมบายแบงค์กิ้งมักมีระบบการยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-Factor Authentication) และการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้

5. การจัดการการเงินส่วนบุคคล

ผู้ใช้สามารถจัดการและติดตามการใช้จ่ายของตนเองได้ง่ายขึ้น โดยสามารถตรวจสอบรายรับรายจ่ายและยอดเงินคงเหลือได้ตลอดเวลา

6. การพัฒนาเทคโนโลยี

 การพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ เช่น การสแกน QR Code เพื่อชำระเงิน หรือการใช้บริการทางการเงินอื่นๆ ที่รวมอยู่ในแอปพลิเคชันเดียว

วิธีการใช้โมบายแบงค์กิ้ง

1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

เริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโมบายแบงค์กิ้งของธนาคารที่คุณใช้บริการ จาก App Store หรือ Google Play Store

2. ลงทะเบียน

เปิดแอปพลิเคชันและลงทะเบียนด้วยข้อมูลส่วนตัวตามที่ธนาคารกำหนด

3. เข้าสู่ระบบ

ใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่คุณตั้งขึ้นเพื่อเข้าสู่ระบบ

4.  เริ่มใช้งาน

เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว คุณสามารถเริ่มทำธุรกรรมต่างๆ ได้ทันที

อันตรายจากการใช้โมบายแบงก์กิ้ง

แม้ว่าโมบายแบงก์กิ้งจะมีประโยชน์มากมายและทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายมากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงและอันตรายที่ผู้ใช้ควรระวัง บทความนี้จะพูดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้โมบายแบงก์กิ้งและวิธีป้องกัน

1. การโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attacks)

แฮกเกอร์สามารถใช้วิธีการโจมตีทางไซเบอร์ต่างๆ เช่น ฟิชชิ่ง (Phishing) หรือมัลแวร์ (Malware) เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้

2. การสูญหายของอุปกรณ์

หากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่ใช้โมบายแบงกิ้งสูญหายหรือถูกขโมย ข้อมูลทางการเงินของคุณอาจตกไปอยู่ในมือของบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี

3. การเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย

การใช้โมบายแบงกิ้งผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัยอาจทำให้ข้อมูลถูกดักฟังหรือขโมยได้ง่าย

4. แอปพลิเคชันปลอม (Fake Apps)

มีแอปพลิเคชันปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงผู้ใช้ให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว

ผู้ใช้บางคนอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินในที่สาธารณะหรือแก่บุคคลที่ไม่รู้จัก ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยข้อมูล

วิธีป้องกันความเสี่ยงจากการใช้โมบายแบงก์กิ้ง

1. ใช้การยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-Factor Authentication)

เพิ่มระดับความปลอดภัยในการเข้าถึงบัญชีโดยใช้การยืนยันตัวตนสองชั้น เช่น การส่งรหัส OTP ไปยังโทรศัพท์มือถือของคุณ

2. หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะ

ใช้เครือข่ายมือถือหรือ Wi-Fi ที่มีความปลอดภัยสูงในการทำธุรกรรมทางการเงิน

3. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งจาก App Store หรือ Google Play Store เท่านั้น และตรวจสอบว่าเป็นแอปพลิเคชันที่มาจากธนาคารที่คุณใช้บริการ

4. อัปเดตแอปพลิเคชันและระบบปฏิบัติการ

อัปเดตแอปพลิเคชันและระบบปฏิบัติการของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อรับการปรับปรุงความปลอดภัยล่าสุด

5. ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง

ใช้รหัสผ่านที่ยากต่อการคาดเดาและเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ

6. ตรวจสอบบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

ตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรมและยอดเงินในบัญชีของคุณอย่างสม่ำเสมอ หากพบการทำธุรกรรมที่น่าสงสัย ให้รีบติดต่อธนาคารทันที

สรุป

โมบายแบงค์กิ้งคือบริการทางการเงินที่ทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น ด้วยการใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในการทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน ชำระบิล หรือจัดการบัญชี ความนิยมของโมบายแบงค์กิ้งในยุคดิจิทัลมาจากความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย หากคุณยังไม่ได้ลองใช้บริการโมบายแบงค์กิ้ง นี่เป็นโอกาสดีที่จะเริ่มต้นและสัมผัสประสบการณ์ที่สะดวกสบายและทันสมัยของการจัดการการเงินในยุคดิจิทัล

ในยุคดิจิทัลที่ธุรกรรมการเงินเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน แอพเช็คสลิปโอนเงิน เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของการโอนเงินออนไลน์ หลายคนสงสัยว่าแอพเหล่านี้สามารถตรวจสลิปปลอมได้จริงหรือไม่ บทความนี้จะตอบคำถามดังกล่าวและเสนอข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับแอพเช็คสลิปโอนเงิน

ทำไมต้องใช้ แอพเช็คสลิปโอนเงิน ?

1. เพิ่มความปลอดภัย: การตรวจสอบสลิปโอนเงินสามารถช่วยป้องกันการฉ้อโกงและการโอนเงินที่ไม่ถูกต้อง
2. ความสะดวกสบาย: คุณสามารถตรวจสอบสลิปได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแค่ใช้แอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
3. ประหยัดเวลา: ไม่ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบด้วยตนเองหรือรอให้ธนาคารยืนยัน

แอพเช็คสลิปโอนเงิน ทำงานอย่างไร?

แอพเช็คสลิปโอนเงินส่วนใหญ่จะมีฟีเจอร์หลักๆ ดังนี้

• การสแกน QR Code: แอพจะสแกน QR Code บนสลิปโอนเงินเพื่อดึงข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้อง
• การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลธนาคาร: แอพจะตรวจสอบข้อมูลการโอนเงินกับฐานข้อมูลของธนาคารเพื่อยืนยันการทำธุรกรรม
• การวิเคราะห์รูปภาพ: แอพสามารถตรวจสอบรูปภาพของสลิปโอนเงินเพื่อตรวจจับการแก้ไขหรือตัดต่อ

ตรวจสลิปปลอมได้จริงไหม?

แอพเช็คสลิปโอนเงิน มีความสามารถในการตรวจสอบและตรวจจับสลิปปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถตรวจจับสลิปปลอมได้ทุกกรณี นี่คือปัจจัยที่ควรพิจารณา:

• เทคโนโลยีของแอพ: แอพที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงจะมีความสามารถในการตรวจจับสลิปปลอมได้ดีขึ้น
• การอัพเดตฐานข้อมูล: การอัพเดตฐานข้อมูลของแอพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การตรวจสอบมีความแม่นยำมากขึ้น
• การใช้งานร่วมกับระบบธนาคาร: การเชื่อมต่อและยืนยันข้อมูลกับธนาคารโดยตรงจะเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบ

แต่ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการเกี่ยวกับแอพตรวจสลิปปลอมที่ให้ความแม่นยำสูง แถมยังช่วยให้ตรวจสลิปปลอมได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วผ่านทางแอพลิเคชัน Line อย่าง Thunder Solution ที่ให้บริการตรวจระบบตรวจสอบอัตโนมัติ ที่เพียงแค่ถ่ายรูปสลิปโอนเงินที่รับจากลูกค้าแล้วส่งเข้าไปในแชทไลน์ที่ติดตั้งบอทเช็คสลิปของ Thunder ไว้แล้ว ก็รู้ผลการตรวจสอบสลิปทันที แถมยังตรวจสลิปได้หลายสถานะอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สลิปปลอม สลิปซ้ำ สลิปยอดเงินไม่ตรง หรือชื่อผู้รับไม่ถูกต้อง ตัวแชทบอทก็จะส่งผลตรวจกลับมาให้พร้อมบอกสถานะของสลิปเหล่านี้ทันที 

หากสนในใช้งาน บอทเช็คสลิป ของ Thunder Solution สามารถติดต่อเราได้เลยผ่านทุกช่องทาง

สรุปบทความ แอพเช็คสลิปโอนเงิน

แอพเช็คสลิปโอนเงินเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ แม้ว่าแอพเหล่านี้จะมีความสามารถในการตรวจจับสลิปปลอมได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะตรวจจับได้ทุกกรณี การใช้งานควบคู่กับการตรวจสอบด้วยตนเองและการติดต่อธนาคารเมื่อเกิดความสงสัยจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมได้มากขึ้น

ในการดำเนินธุรกิจในยุคที่แทบจะไร้เงินสดแบบนี้ ที่ต้องพึ่งพาการโอนเงินจ่ายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆโดยใช้หลักฐานการโอนเป็น สลิปโอนเงิน และเพื่อให้มีการตรวจสอบสลิปที่รวดเร็วและแม่นยำ Thunder Solution จึงได้พัฒนา บอทเช็คสลิปโอนเงินผ่านไลน์โดยใช้  Slip Verification API ที่ช่วยให้การตรวจสอบสลิปเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันที ในบทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับราคาและแพ็กเกจต่าง ๆ ของบริการนี้ ว่ามีอะไรบ้าง พร้อมทั้งบอกข้อดีและคุณสมบัติในการใช้งานว่าเป็นอย่างไร เพื่อการตัดสินใจ สำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการของเรา

ทำไมต้องใช้ Slip Verification API?

Slip Verification API ของ Thunder Solution ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยธุรกิจทุกขนาดในการตรวจสอบสลิปโอนเงิน ลดความเสี่ยงจากสลิปปลอม และเพิ่มความสะดวกในการจัดการธุรกรรมทางการเงิน ฟีเจอร์หลักของ API นี้ ได้แก่:

– การตรวจสอบแบบเรียลไทม์: ตรวจสอบและรายงานผลทันทีผ่านทางแชทไลน์

– ความแม่นยำสูง: สามารถตรวจจับสลิปปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแสดงสถานะการตรวจสอบของสลิปแต่ละประเภท

– การจัดการที่ง่ายดาย: สร้างผู้ดูแลและสาขาได้ไม่จำกัด ดูข้อมูลย้อนหลังและรายงานสรุปได้ทุกเมื่อผ่านระบบหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย

ราคาและแพ็กเกจ

Thunder Solution มีแพ็กเกจให้เลือกมากถึง 12 แพ็กเกจ เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่เหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุด โดยแพ็กเกจของ Thunder Solution นั้น เหมาะกับธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับพ่อค้าแม่ค้า ธรุกิจขนาดกลาง หรือแม้แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีดังนี้

ราคาและแพ็กเกจบอทเช็คสลิป

1. Verify Slip – Tester

   – ราคา: Free

   – จำนวนสลิปที่ใช้งานได้: 150 สลิป

   – ระยะเวลาการใช้งาน: 7 วัน

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

2. Verify Slip – Start

   – ราคา: 99 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 400 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.247 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

3. Verify Slip – Basic

   – ราคา: 199 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 1,000 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.199 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

4. Verify Slip – Starter

   – ราคา: 349 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 2,500 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.140 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

5. Verify Slip – Beginner

   – ราคา: 599 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 4,500 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.133 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

6. Verify Slip – Silver

   – ราคา: 799 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 6,000 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.133 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

7. Verify Slip – Gold

   – ราคา:  1,599 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 14,000 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.114 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

8. Verify Slip – Diamond

   – ราคา: 2,499 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 22,500 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.111 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

9. Verify Slip – Premium-1

   – ราคา: 3,000 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 27,000 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.111 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

10. Verify Slip – Premium-2

   – ราคา: 5,000 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 50,00 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.100 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

11. Verify Slip – Premium-3

   – ราคา: 10,000 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 105,000 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.095 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

12. Verify Slip – Premium-4

   – ราคา: 14,000 บาท

   -จำนวนสลิปที่ตรวจได้ : 120,000 สลิป

   – ระยะวลาารใช้งาน: 30 วัน

   – ราคาต่อสลิป: 0.2095 บาท

   – เชื่อมต่อได้สูงสุด 10 สาขา

ตัวแพ็กเกจสามารถปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังเสมอ ตามประเภทของธุรกิจและการใช้งานเหมาะให้เหมาะสมกับความต้องการ หากสนในซื้อแพ็กเกจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ ที่หน้าเว็บไซต์ของ Thunder Solution หรือติดต่อเราผ่านช่องทางการติดต่อต่างๆได้เลย

แพ็กเกจแนะนำ

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ บอทเช็คสลิป Thunder

• ตรวจสลิปได้ทุกสถานะ ไม่ว่าจะเป็นสลิปปลอม สลิปซ้ำ สลิปยอดเงินไม่ถูก ชื่อผู้รับไม่ตรง
• รายงานสรุปยอดโอนรายวัน: สามารถดูสรุปยอดโอนได้ทุกวัน
• ผู้ดูแลและสาขาไม่จำกัด:  เพิ่มความสะดวกในการจัดการธุรกิจขนาดใหญ่
• ดูข้อมูลย้อนหลัง: เข้าถึงข้อมูลการโอนเงินย้อนหลังได้ตลอดเวลา

วิธีการสมัครใช้งาน

การสมัครใช้งาน Slip Verification API ของ Thunder Solution ทำได้ง่าย ๆ ภายใน 4 ขั้นตอน

1.  เพิ่ม Line OA ของ Thunder Solution

2. เลือกแพ็กเกจที่สนใจ

3. เพิ่มบอทเช็คสลิปของ Thunder เข้ากลุ่มไลน์ของร้าน

4. อัปโหลดรูปสลิปโอนเงินของลูกค้าในกลุ่มไลน์

สรุป

Slip Verification API ของ Thunder Solution เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การตรวจสอบสลิปโอนเงินเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ด้วยแพ็กเกจที่หลากหลายและฟีเจอร์ที่ครบครัน ธุรกิจทุกขนาดสามารถเลือกใช้บริการที่เหมาะสมและเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการสมัครใช้งาน สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Thunder Solution ได้ที่ www.thunder.in.th

ระบบตรวจสลิปปลอม บอทตรวจสลิปปลอม Thunder Solution สามารถตรวจสอบความถูกต้องของสลิปได้อย่างรวดเร็ว เพียงส่งรูปภาพสลิปโอนเงินนั้นๆ เข้าไปในไลน์ก็สามารถ ตรวจสลิปได้ทันที ใช้ได้ทั้ง ตรวจสลิปปลอม สลิปซ้ำ ผ่านไลน์แชท ใช้งานง่าย เพียงแค่ดึง bot เข้าไปในกลุ่ม หรือ Line OA

*สนใจใช้งาน บอทตรวจสลิปปลอม สามารถสอบถาม หรือปรึกษาก่อนได้ค่ะ*

ติดต่อเรา

ตรวจสลิปปลอม สลิปซ้ำ ผ่านไลน์แชท

การตรวจสลิปปลอม สลิปซ้ำ ผ่านไลน์ นับว่าเป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว และแม่นยำมากที่สุด ลดปัญหา Human error ได้ 100% ไม่ต้องมานั่งเช็คเองให้เสียเวลา เพียงแค่ติดตั้ง บอทเช็คสลิป ของ Thunder Solution ที่เหลือในการตรวจสลิปปลอม สลิปซ้ำ ให้เป็นหน้าที่ของเราเอง เพียงแค่พ่อค้า แม่ค้า ส่งรูปสลิปที่ต้องกาตรวจสอบเข้าไปในห้องแชทไลน์ที่ทำการติดตั้งบอทตรวจสลิปแล้ว ตัวบอทก็จะทำการตรวจสอบสลิปโอนเงินให้พร้อมแจ้งผลการตรวจสอบกลับมาให้ทันที

การตรวจสลิปปลอม สลิปซ้ำ ผ่านLine OA

ใช้งานง่ายมากผ่าน LINE OA ร้านค้า เพราะตัวโปรแกรมจะพัฒนาให้ห้องแชทไลน์ ธรรมดาของเราสามารถทำการตรวจสอบสลิปปลอม ได้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการส่งสลิปโอนเงินเข้ามา ตัวโปรแกรมจะทำการตรวจสอบแจ้งผลการตรวจสลิปกลับมาที่ห้องแชทของเราทันที ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบความถูกต้องของสลิปโอนเงินได้อย่าง แม่นยำรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ 100%

การตรวจสลิปปลอม สลิปซ้ำ ผ่านไลน์กลุ่ม (Group Line)

การตรวจสลิปปลอมผ่านไลน์ ต้องบอกไว้เลยว่าเป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว และแม่นยำมาก ลดปัญหา Human error ได้ 100% ไม่ต้องมานั่งเช็คเองให้เสียเวลา เพียงดึง บอทเช็คสลิป ของ Thunder Solution เข้าร่วมในกลุ่มไลน์ของร้านค้า หากมีการส่งรูปภาพสิปโอนเงินเข้ามา บอทจะทำการตรวจสอปและแจ้งผลการตรวจสอลกลับในกลุ่มไลน์ให้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาวุ่นวายกับการเช็คสลลิปแบบเดิมๆอีกต่อไป

วิธีติดตั้งบอทตรวจสอบสลิป

สำหรับวิธีการติดตั้งบอทเช็คสลิปผ่านไลน์นั้น จะมีอยู่ 2 แบบคือ แบบ Line OA และแบบ Group Line เพื่อใช้งานบอทตรวจสลิปโอนเงินอัตโนมัติ ของ Thunder Solution สามารถเข้าไปดูวิธีการติดตั้งได้ตามหัวข้อด้านล่างนี้

• วิธีการติดตั้งบอทเช็คสลิปแบบ Line OA
• วิธีการติดตั้งบอทเช็คสลิปแบบ Group Line

วิธีตรวจสลิปปลอมผ่านแชท Chat Line

สำหรับขั้นตอนการทำงานของบอทตรวจสลิปนั้นมีดังนี้

1. หลังจากติดตตั้งบอทเช็คสลิปเข้ากับไลน์ OA หรือกรุ๊ปไลน์ ของร้านค้าเรียบร้อย ถ่ายรูปสลิปที่ต้องการตรวจสอบแล้วส่งเข้าไปในแชทไลน์
2. บอทเช็คสลิปของ Thunder ทำการตรวจสอบ
3. แจ้งผลการตรวจสอบสลิปโอนเงินกลับเข้ามาในห้องแชท พร้อมบอกสถานะของสลิปนั้นๆทันที ใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที ก็รู้ผลเลย ตรวจสอบได้แม่นยำ 100%

ราคา ระบบตรวจสอบสลิป

สำหรับราคาและแพ็กเกจ ของระบบตรวจสอบสลิปของ Thunder นั้น มีให้เลือกหลากหลายราคามาก เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า โดยราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท ใช้งานได้ 30 วัน ดูและพร้อมติดตั้งให้ฟรี

สนใจดูแพ็กเกจเพิ่มเติม กดที่นี่เพื่อดูแพ็กเกจอื่นๆ

สมัครใช้ บอทตรวจสลิป ระบบตรวจสลิปปลอม THUNDER ฟรี Thunder bot เช็คสลิปโอนเงิน ตรวจสลิปปลอม สลิปซ้ำ อัตโนมัติ

สรุป

 สลิปปลอมอุปสรรคใหญ่ของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่อาจทำให้ธุรกิจต้องสะดุดหากไม่ ตรวจสลิปปลอม ให้ดี ปิดประตูขาดทุนจากการโดนโกงด้วยฟีเจอร์ Thunder Solution ระบบตรวจ สลิปปลอม ที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้อย่างรวดเร็วผ่าน QR Code บนสลิปโอนเงิน ตรวจสอบหมายเลขอ้างอิง ตรวจสอบข้อมูลวันเวลาที่ชำระเงินให้อัตโนมัติได้ทันที เมื่อลูกค้าหรือแอดมินอัปโหลดสลิปโอนเงินเข้าสู่ระบบ ช่วยลดปัญหาการโดนมิจฉาชีพโกงเงินเพราะแอดมินเช็คสลิปโอนเงินไม่ทัน

ปัจจุบันการหารายได้ทางเดียวอาจมีความเสี่ยง หลายคนจึงมองหาธุรกิจใหม่ๆ และเริ่มต้นการทำธุรกิจแฟรนไชส์ด้วยการลงทุนน้อย เงื่อนไขไม่ยากเพราะมีทีมคำปรึกษาและยังเป็นธุรกิจแบบสำเร็จรูปอีกด้วย ดังนั้นธุรกิจแฟรนไชส์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนเลือกที่จะเป็นทางออกสำหรับการหารายได้เสริม

ธุรกิจแฟรนไชส์คืออะไร

ธุรกิจแฟรนไชส์ คือการขยายร้าน รูปแบบการทำธุรกิจเดียวกัน โดยจะเริ่มจากผู้ถือสิทธิ์หรือเฟรเซอร์ จะขยายกิจการหรือธุรกิจไปยังผู้รับสิทธิ์ หรือแฟรนไชส์เพื่อนำไปเปิดธุรกิจประเภทเดียวกัน ในสถานที่อื่นๆ อย่างเช่นการเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารก็จะมีป้ายค้า สูตรอาหารรวมถึงวิธี promote แพ็กเกจราคาหรือรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจน

10 ธุรกิจแฟรนไชส์ ขายดี ทำกำไรทั้งปี

ปัจจุบันผู้ที่ต้องการทำธุรกิจแฟรนไชส์ มีมากขึ้นเพราะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สามารถทำเงินได้ดี และที่สำคัญเราไม่จำเป็นจะต้องมีหน้าร้าน หรือจ่ายค่าทำเลอีกต่อไป เพราะสามารถขายผ่านฟู้ดดิลิเวอรีได้ จึงมีโอกาสในการเข้าถึงปริมาณลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยในวันนี้เราก็จะพามาส่องธุรกิจที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1. Maru Waffle

ธุรกิจแฟรนไชส์ของกินทานเล่นที่มีหน้าตาน่ารัก เน้นขายวอฟเฟิลฮ่องกงหลากหลายไส้ และกำไรดีเป็นแฟรนไชส์ที่ลงทุนน้อยไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ไม่มีค่าสิทธิและยังมีการสอนงาน ฝึกอบรมให้แบบฟรีๆ อีกด้วย ด้วยแฟรนไชส์กินเล่นนี้เริ่มต้นที่ราคา 46,000 บาทโดยยังไม่รวมค่าตกแต่งร้านทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดหน้าร้านและวัตถุดิบด้วย

2. Nobi cha

แฟรนไชส์น่าลงทุนกับโนบิชาเป็นอีกหนึ่งร้านชานมไข่มุกที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากมีกลิ่นหอมรสชาติดี เข้าถึงได้ง่ายราคาถูกส่งผลทำให้เป็นแฟรนไชส์ดาวรุ่งเมื่อลงทุนแล้วจะได้รับสูตรชานม วิธีการบริหารร้านค้า ให้คืนกำไรอย่างรวดเร็ว โดยราคาแฟรนไชส์โนบิชาเริ่มต้นที่ 450,000 บาทขึ้นอยู่กับขนาดการก่อสร้างอุปกรณ์และวัตถุดิบด้วย

3. Only Yum โอลี่ยำ

เมนูยำยอดฮิตที่ขายดีทั้งในแบบดิลิเวอรีและหน้าร้านโดยทั้งร้านนี้นั้น เป็นร้านยำเจ้าดังในจังหวัดชลบุรี ที่มีการขายหลากหลายเมนูซึ่งจุดเด่นอยู่ที่คุณภาพของวัตถุดิบและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร รวมไปถึงการทำการตลาดออนไลน์ อีกด้วยราคาแฟรนไชส์ 39,000 บาทขึ้นอยู่กับทำเลกลุ่มลูกค้าและปัจจัยอื่นๆ ขายดีจนต้องมีระบบตรวจสอบสลิปโอนเงินมาช่วยดูความเรียบร้อยเลยทีเดียว

4. ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว

หากจะให้พูดถึงการลงทุนชายสี่บะหมี่เกี๊ยวที่เป็นอันดับต้นๆ ได้รับความนิยมของเมืองไทยตลอดจนเพื่อนบ้านจุดเด่นคือก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และมีรถเข็นให้ยืมตลอดอายุสัญญา หากผู้ที่สนใจจ่ายเงินสดจะได้รับส่วนลดถึง 20% โดยธุรกิจแฟรนไชส์เจ้านี้เริ่มต้นที่ 43,000 บาทขึ้นอยู่กับขนาดและอุปกรณ์วัตถุดิบต่างๆ

5. Ochaya โอชายะ

แฟรนไชส์ชานมไข่มุกชื่อดังอีกรายที่มีมากกว่า 200 สาขาในประเทศไทย เน้นตั้งขายตามสถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า และย่านธุรกิจต่าง ๆ มีเครื่องดื่มให้เลือกมากมายทั้งชานมไข่มุกและน้ำผลไม้ปั่น เป็นอีกหนึ่งธุรกิจแฟรนไชส์ที่เราจะต้องนึกถึง แถมยังคืนกำไรได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่แฟรนไชส์เริ่มต้นที่ 350,000 บาทขึ้นอยู่กับการก่อสร้างและวัตถุดิบ

6. นิยมชงชอบ

ธุรกิจแฟรนไชส์ที่เริ่มต้นจากเครปพัฒนาสูตรแป้งทำเครปจนได้เป็นเครปที่มีรสชาติและสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ผสมผสานกับราคาที่ขายกับชาไทย ชาเขียว สูตรเข้มข้นเฉพาะของร้านทำให้มีลูกค้าติดใจอย่างมากมาย รวมถึงแฟรนไชส์ที่มีความทันสมัยเป็นระบบด้วยราคาแฟรนไชส์เริ่มต้นที่ 45,000 บาทขึ้นอยู่กับวัตถุดิบขนาดร้านด้วย

7. เนื้อปิ้งโบ๊ะบ๊ะ

ราคาแฟรนไชส์เนื้อโคขุนราคาประหยัด การันตีความอร่อยโดยเชฟที่คัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี รสชาติกลมกล่อม เข้มข้นไม่ต้องมีน้ำจิ้มก็อร่อย ได้รสชาติเนื้อเต็มคำไม่คำ เนื้อนุ่มลิ้น สามารถลงทุนได้ง่ายกลืนกำไรได้ไวขายคล่อง ราคาไม้ละ 12 บาทราคาค่าแฟรนไชส์อยู่ที่ 6900 บาท

8. เฮียเก๋าทะเลดอง

แฟรนไชส์อาหารทะเลดอง เกรดพรีเมียมที่เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมากเพราะมีทั้งแซลมอน นอร์เวย์ กุ้ง ปู ไข่หมึก สายหอยแครงราคาเริ่มต้นที่ 89 บาทซึ่งในปัจจุบันแซลมอนดอง กุ้งดอง กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจุดเด่นของเฮียเก๋าคือใช้วัตถุดิบพรีเมียมผ่านการคัดสรรมาอย่างดี จึงทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดและมีค่าแฟรนไชส์เริ่มต้นที่ 20,000 บาทเท่านั้นขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและทำเลยอดขายอื่นๆ อีกด้วยในการคืนทุน

9. Otteri Wash & Dry

แฟรนไชส์มาแรง เครื่องซักผ้าที่ปัจจุบันมีมากถึง 759 สาขาทั่วประเทศและกลายเป็นแฟรนไชส์ที่น่าจับตามองมากที่สุดเพราะการซักผ้ายังเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันและสามารถมีบริการดูแลหลังการขายฟรีถึงสองปี ราคาเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ที่ 2,380,000 บาทโดยขึ้นอยู่กับขนาดและแบรนด์ของเครื่องซักผ้า

10. หม่าล่ากวนอู

ธุรกิจแฟรนไชส์เล่นสุดแซ่บปัจจุบันมีถึง 250 สาขาโดยทางร้านจะมีหม่าล่าให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ราคาจะเริ่มต้นที่ไม้ละ 10 ถึง 15 บาทและสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีทำเลทองแล้วอยากลงทุนแฟรนไชส์ของกินด้วยหม่าล่ากวนอู เป็นแฟรนไชส์ลงทุนน้อยเพียง 4,999 บาทขึ้นอยู่กับแบบร้านวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่างๆ

สรุปบทความ

การลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ แม้จะเริ่มต้นลงทุนได้ง่ายๆ สิ่งสำคัญและต้องใส่ใจมากที่สุดคือขั้นตอนการเลือกแฟรนไชส์มาทำเพราะเปรียบเสมือนพาร์ตเนอร์ที่เราจะต้องร่วมลงทุนด้วย หากได้ทำในธุรกิจที่ชอบพาร์ตเนอร์ที่วางใจได้ก็จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ

ธุรกิจร้านเหล้าอีกธุรกิจที่นักธุรกิจให้ความสนใจ ร้านเหล้าที่ดีที่น่านั่งต้องเป็นยังไงนะ กฎหมายการเปิดร้านเหล้ามีอะไรที่ต้องลงลึกบ้างไหม เปิดร้านเหล้าลงทุนเท่าไหร่ อยากเปิดร้านเหล้าเล็กๆ ต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง วันนี้เราเอา 7 เทคนิคเปิดธุรกิจร้านเหล้าให้ปังมาบอกแล้ว!

ทำความรู้จักกับธุรกิจร้านเหล้า

ธุรกิจร้านเหล้าคืออีกธุรกิจที่ใครสนใจจะเปิดต้องเข้าใจกฎหมาย แต่ก็ยังคงได้รับความสนใจจากนักธุรกิจไม่น้อย อีกทั้งยังมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารถึงบาร์ ร้านเหล้าที่ขายเครื่องดื่มมาพร้อมดนตรีสดฟังสบายๆ ร้านเหล้าที่เน้นการพักผ่อนหย่อนใจของคนที่เหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิตประจำวัน ธุรกิจร้านเหล้านอกจากจะเป็นร้านที่ขายเครื่องดื่มและอาหารแล้ว ยังเป็นที่ที่เพื่อนๆ สามารถนัดพบปะสังสรรค์ได้อีกด้วย

7 เทคนิค เปิดธุรกิจร้านเหล้าให้ยอดขายปังทุกคืน

แม้จะเปิดร้านเหล้าเล็กๆ ก็ยังต้องศึกษากฎหมายการเปิดร้านเหล้าที่ต้องทำความเข้าใจ นอกจากเรื่องกฎหมายแล้ว ยังมีเทคนิคที่จะช่วยให้ธุรกิจร้านเหล้าปัง มีคนจองเต็มทุกคืนอีก วันนี้เรายกมา 7 เทคนิค คือ

1. ขออนุญาตการเปิดธุรกิจร้านเหล้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างที่บอกว่ากฎหมายเป็นเรื่องที่จำเป็นมากสำหรับธุรกิจร้านเหล้า เพราะนอกจากจะเซฟให้ตัวเจ้าของไม่ถูกเรียกตัวไปสอบสวนแล้ว ยังเป็นหลักประกันในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันภายในร้าน ต้องศึกษากฎหมายการเปิดร้านเหล้าให้ดี การขอใบอนุญาตจำหน่ายแอลกอฮอล์ที่ต้องแยกเป็นขออนุญาตจำหน่ายสุราไทยและสุราต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ขึ้นทะเบียนภาษีป้าย รวมไปถึงการกำหนดมาตรการควบคุมอายุผู้เข้าใช้บริการ และควบคุมการพกพาอาวุธอันตรายด้วย

2. เตรียมงบหมุนเวียนให้ดี

สำหรับทุกๆ ธุรกิจต้องมีเงินทุนหมุนเวียน ธุรกิจร้านเหล้าก็เช่นเดียวกัน ขนาดของร้าน ทำเลที่ตั้งร้านและรูปแบบการลงทุนเป็นตัวที่จะช่วยในการกำหนดงบประมาณได้ เปิดร้านเหล้าลงทุนเท่าไหร่ คำตอบที่ได้คือหลักแสน 200,000-300,000 บาทโดยประมาณขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจร้านเหล้า และสิ่งที่จะมีบริการในร้านด้วย

3. วางกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

อยากปังต้องมีเป้าหมาย ธุรกิจร้านเหล้าก็เช่นเดียวกัน การกำหนดกลุ่มเป้าหมายจะทำให้คุณสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างตรงจุด ยกตัวอย่าง อยากเปิดร้านเหล้าเล็กๆ ที่ใจกลางเมืองที่เจาะกลุ่มคนทำงาน ต้องวางแผนว่าหลังเลิกงานที่ลูกค้าจะมาใช้บริการต้องมารับประทานอาหารด้วย ดังนั้นร้านเหล้าที่จะเปิดต้องมีบริการอาหารทั้งจานหลักจานรองให้ลูกค้าได้สั่งมารับประทานช่วงที่ดื่มสังสรรค์ 

สไตล์ของร้านก็เป็นเรื่องสำคัญ ตรีมของร้านเหล้าก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจไม่น้อย อย่างที่บอกธุรกิจร้านเหล้าเป็นธุรกิจที่เปิดให้คนมาพักผ่อน ดังนั้นบรรยากาศภายในร้านก็เป็นตัวช่วยดึงดูดให้คนเข้าร้านได้ ยิ่งถ้ามีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มไหนก็สามารถออกแบบร้านให้เป็นตามที่กลุ่มเป้าหมายชอบได้เลย

4. วางแผนกระตุ้นยอดขาย

เมื่อมีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนแล้ว การวางแผนในการกระตุ้นยอดขายเป็นเรื่องต่อมาที่ต้องคิด การกระตุ้นยอดขายอาจจะทำได้ด้วยโปรโมชันดีๆ คุ้มค่าเมื่อเข้ามาใช้บริการ กระตุ้นด้วยกิจกรรมพิเศษต่างๆ ในร้าน บริการพิเศษต่างๆ ในร้านให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและกลับมาใช้บริการอีกเรื่อยๆ

5. รสชาติอาหารถูกปาก

รสชาติอาหารนับว่าเป็นเทคนิคหลักของธุรกิจร้านเหล้าเลยก็ว่าได้ คว้าเอาตัวเชฟมือดีที่ทำอาหารได้ถูกปากคนส่วนใหญ่ ทำอาหารด้วยความตั้งใจ พร้อมคิดเมนูที่หลากหลาย หรืออาจมีเมนูพิเศษที่มีเฉพาะร้านของคุณ เพื่อสร้างความประทับใจ ราคาไม่แพงมากเกินไปสามารถสั่งซ้ำได้และมีปริมาณที่สมเหตุสมผล

6. มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี

ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ซีเรียสสำหรับธุรกิจร้านเหล้า ไม่ว่าจะเป็ดร้านเหล้าเล็กๆ หรือร้านที่มีบริการครบวงจร ต้องมีการเทรนพนักงานรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวด มีอุปกรณ์ที่จะให้ในยามเกิดเหตุฉุกเฉินและต้องมีสภาพที่พร้อมใช้งาน การซื้อประกันภัยก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องนึกถึง

7. ติดตั้งระบบจัดการร้านอาหาร

ระบบจัดการธุรกิจร้านเหล้าในปัจจุบันมีให้เลือกใช้ได้หลากหลาย จะตรวจสอบสลิปโอนเงิน ระบบออเดอร์เข้าห้องครัวให้มีระเบียบจัดการง่าย ระบบคิดเงินที่ไม่ต้องรอนาน ก็มีให้เลือก ระบบการจัดการเป็นเรื่องที่คนอยากเปิดธุรกิจร้านเหล้าร้านอาหารต้องใส่ใจให้มาก เพราะถ้าระบบจัดการล้มเหลวอาจส่งผลให้ร้านเหล้าขาดทุนได้เลยทีเดียว

สรุปบทความ

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ 7 เทคนิคเปิดธุรกิจร้านเหล้าที่เอามาบอกต่อ อยากเปิดร้านเหล้าเล็กๆ ก็ต้องมีงบประมาณหมุนเวียน 200,000 บาทขึ้นไปแล้ว ดังนั้นต้องจัดวางระบบดีๆ มีบริการที่ประทับใจ เดินหน้าการตลาดอย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย สร้างโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าและต้องใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ธุรกิจร้านเหล้าของคุณเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ใครก็อยากเข้ามาใช้บริการ

จะเปิดร้านกาแฟให้ขายดีอย่าลืมให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งไม่ได้  หาทำเลเปิดร้านกาแฟดีดี จะช่วยให้มีลูกค้าเข้าร้านและทำให้ร้านกาแฟของเราประสบความสำเร็จได้และมียอดขายที่ดี แล้วทำเลที่ดีต้องดูที่อะไร 5 เทคนิคที่เอามาฝากกันในวันนี้จะช่วยเป็นแนวทางให้การ หาทำเลเปิดร้านกาแฟ ของคุณได้

ธุรกิจร้านกาแฟบริหารอย่างไรให้รุ่ง

หัวใจสำคัญของการเปิดร้านกาแฟนั่นก็คือ หาทำเลเปิดร้านกาแฟ  คัดสรรมาเป็นอย่างดีก่อนที่เราจะลงมือเปิดร้านเราจะต้องทำการศึกษาดูคู่แข่งต่างๆ รวมถึงตกแต่งดี ให้ความสวยงามเพื่อให้เข้าถึงได้อย่างง่ายดายและตอบโจทย์และไม่ทำให้การลงทุนนั้นสูญเปล่า

5 เทคนิค การหาทำเลเปิดร้านกาแฟ

การเปิดร้านกาแฟนั้นนอกจากจะทำให้เราได้เป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ ได้อย่างสมใจแล้วสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามนั่นก็คือการบริหารจัดการที่ดีและการหาทำเลที่ตั้งก่อนการลงทุนนั่นเอง โดยในวันนี้เราก็จะมาแนะนำเทคนิคดังต่อไปนี้

1. สำรวจทำเลให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

การเลือก หาทำเลเปิดร้านกาแฟ ไม่ใช่แค่ว่าพื้นที่นั้น คนพลุกพล่านแค่เพียงอย่างเดียวเราจะต้องกลับมาคิดก่อนว่าเราอยากสร้างร้านกาแฟมีขนาดเท่าไหร่และออกมาสไตล์ไหน กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร เพื่อที่จะสามารถเจาะจงทำเลที่ตั้งได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

2. ทำความรู้จักคู่แข่งในพื้นที่

เมื่อเราได้ หาทำเลเปิดร้านกาแฟ ที่ตรงใจแล้วก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องคู่แข่ง เพราะในทำเลเดียวกันพื้นที่ใกล้เคียงนั้นก็เป็นไปได้อยู่แล้วว่าจะมีร้านกาแฟที่มาตั้งก่อนเรา ควรศึกษาว่ามีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน เพื่อเตรียมรับมือและสร้างจุดเด่นของร้านให้กลับมาดึงดูดลูกค้ามากยิ่งขึ้น

3. ทำเลต้องมองเห็นร้านง่าย

เคยเห็นร้านที่มีการหาทำเลเปิดร้านกาแฟ เข้ามาอยู่ในซอยลึก เดินทางลำบากหลายคน จึงตัดสินใจที่จะไม่เลือกเข้าไปและเลือกซื้อร้านที่อยู่ใกล้ขนส่งสาธารณะแทน และสิ่งสำคัญก็คือร้านของเรา จะต้องตกแต่งสัญลักษณ์ที่มองเห็นชัดเจนและสามารถเข้าถึงทำเลได้อย่างง่ายดายและคำนึงเรื่องที่จอดรถเป็นกลุ่มสำคัญด้วย

4. สไตล์การตกแต่งของร้าน

เคยเป็นไหมร้านที่สวยงามในพื้นที่ ที่ตั้งอยู่และเราไม่กล้าเข้าไปใช้บริการกลัวเรื่องสินค้าและราคาที่แพงจนเกินไป จึงทำให้เราไม่ได้เข้าไปซื้อ เพราะฉะนั้นแล้ว หากใครกำลังเปิดร้านกาแฟ ควรคำนึงถึง หาทำเลเปิดร้านกาแฟ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและปรับเปลี่ยนสไตล์ให้เข้ากันกับทำเล

5. ตรวจสอบข้อตกลงและสัญญาเช่า

หากไม่ได้มีพื้นที่เป็นของตัวเอง หลายคนเลือกที่จะเช่าสถานที่ พวกอาคารและห้องแถวต่างๆ  หาทำเลเปิดร้านกาแฟ หากเป็นทำเลทองนั้นจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและค่าใช้จ่ายเหล่านี้ คือต้นทุนที่จะถูกบวกเพิ่มไปกับค่าเครื่องดื่มด้วยเช่นเดียวกัน อย่าชะล่าใจกับสัญญาเช่าเพราะหลายคนอาจจะมองข้าม ควรตรวจสอบและข้อตกลงให้เรียบร้อยก่อนการเช่า เพื่อที่จะไม่ได้มีข้อผูกมัดในภายหลัง

สรุปบทความ

การทำร้านกาแฟหากใครใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะจะต้องหา หาทำเลเปิดร้านกาแฟที่ดีและยังต้องหากลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว รวมถึงคู่แข่งอื่นๆ ที่จะมีการเปิดเพิ่มในอนาคต นอกจากทำเลที่ตั้งอย่างเดียวจึงไม่เป็นองค์ประกอบที่เพียงพอ จะต้องใช้อย่างอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบร้าน การสั่งออเดอร์ การเสิร์ฟ การบริการการตรวจสอบสลิปโอนเงิน จึงประสบความสำเร็จในการเปิดร้านกาแฟ รวมถึงใส่ใจปรับปรุงคุณภาพของร้านจึงเป็นธุรกิจที่ยาวนานและอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน

หมูกระทะเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะสามารถนัดสังสรรค์และพบเจอกันในโอกาสพิเศษต่างๆ ได้โดยการเปิดธุรกิจร้านหมูกระทะนั้น จะต้องทำอย่างไร ซึ่งในวันนี้เรามีคำตอบคือ เราจะต้องให้ความรู้สึกกับลูกค้าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปและอย่าเอาเปรียบลูกค้าอย่างเด็ดขาด รสชาติอาหารต้องดีวัตถุดิบต่างๆ ต้องมีคุณภาพมีการบริหารต้นทุนและวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี ใส่ใจความสะอาดของร้าน รวมถึงบริหารของเหลือไม่ต้องทิ้ง เพราะบางอย่างก็สามารถนำมาปรับเป็นเมนูอื่นๆ ได้เช่นเดียวกันหัวใจสำคัญก็คือการบริการพนักงานทุกคนนั้นจะต้องยิ้มแย้มและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดีและปรับปรุงพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพราะการ เปิดร้านหมูกระทะ ถ้าคุณรักษาคุณภาพเอาไว้ได้ ก็ไม่มีใครมาทำให้คุณล้มเหลวอย่างแน่นอน

ทำไมหมูกระทะถึงกลายเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย

 เปิดร้านหมูกระทะ ต้องรู้ด้วยว่าที่จริงแล้วหมูกระทะเป็นอาหารที่เข้ามาอยู่ในสังคมไทยมาอย่างเนิ่นนานหลาย 10 ปี จนกล่าวได้ว่าหล่อหลอมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารการกินของคนไทยไปเสียแล้ว ซึ่งในวันนี้เราก็จะมาตอบคำถามว่าทำไมหมูกระทะจึงเป็นที่นิยม

•  หมูกระทะตอบโจทย์การรับประทานแบบกลุ่ม ที่สามารถแบ่งปันระหว่างเพื่อนหรือครอบครัวได้
•  ความหลากหลายของวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อ ผัก รวมถึงเมนูอื่นๆ รวมถึงสูตรเด็ดเคล็ดลับน้ำจิ้มของแต่ละร้านก็เป็นที่ดึงดูดลูกค้าเช่นเดียวกัน
•  ราคาเข้าถึงง่ายโดยมีตั้งแต่เซต 100 กว่าบาทจนไปถึง 500 ถึง 600
•  เกิดร้านหมูกระทะจำนวนมาก ประกอบกับช่วงนี้การแข่งขันสูงจึงทำให้ผู้บริโภคแสวงหาประสบการณ์ใหม่กันตลอดเวลา
•  พลังโซเชียลเทอาหารสุดฮิตของคนไทยที่สามารถรีวิวและรวบรวมร้านหมูกระทะชื่อดังไว้มากมาย

7 ข้อควรรู้ เพื่อเปิดร้านหมูกระทะให้ขายดี

สำหรับเทศกาลไหนๆ เราก็ไม่ลืมที่จะมีการปาร์ตี้หมูกระทะ  เปิดร้านหมูกระทะ จึงเป็นที่ที่หลายคนจะปักหมุดเอาไว้ เพราะทั้งวัตถุดิบสดและของทานเล่นต่างๆ ในราคาที่คุ้มค่าจะจ่ายตั้งแต่หลักร้อยขึ้นไป โดยถ้าหากคุณคิดจะเป็นเจ้าของร้านหมูกระทะ เราจะมาแนะนำเคล็ดลับเพื่อทำให้ร้านของคุณขายดีอย่างเป็นเทน้ำเทท่า

1. ทำเลและสถานที่ตั้งร้าน

การ เปิดร้านหมูกระทะ ทำเลเป็นปัจจัยสำคัญ ในการเปิดร้านหมูกระทะแน่นอน ว่ากลุ่มลูกค้าโดยทั่วไปมักจะเป็นกลุ่มมาเป็นคู่ ดังนั้นจึงต้องเลือกทำเลที่ตั้งของร้านให้สะดวกต่อการเข้าถึงได้ง่ายและการเดินทางทั้งยังมีที่จอดรถสำหรับรถจักรยานยนต์และรถยนต์เป็นจำนวนมากและตกแต่งภายในร้านให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวดึงดูดความสนใจ

2. วัตถุดิบต้องสดใหม่ และมีคุณภาพ

แม้การ เปิดร้านหมูกระทะ จะเป็นร้านอาหารบุฟเฟต์ แต่ก็ต้องคำนึงถึงวัตถุดิบ ที่สดใหม่อยู่ตลอดเวลาและจะต้องควบคุมมาตรฐานของวัตถุดิบสดใหม่ให้มีความสม่ำเสมอ หมั่นตรวจเช็กสต๊อกวัตถุดิบในตู้แช่และไม่เอาอาหารปรุงสุกค้างคืนมาเสิร์ฟให้เสียลูกค้า

3. น้ำจิ้มเป็นเอกลักษณ์

ในการ เปิดร้านหมูกระทะ น้ำจิ้มที่อร่อยเป็นอะไรที่คู่กันกับร้านหมูกระทะ จะต้องมีความสะอาดสดใหม่และมีคุณภาพเท่านั้น แต่สูตรน้ำจิ้มรสเด็ดที่คุณเลือกก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน จะทำให้ร้านหมูกระทะของคุณเป็นที่รู้จักจนทำให้มีขาประจำติด

4. บรรยากาศภายในร้านสะอาด

บรรยากาศภายในร้านจะต้องสะอาดและน่านั่งโดยเฉพาะเตาหมูกระทะนั้นเราจะต้องทำให้สะอาดและเป็นจุดดึงดูดหรือบริเวณโซนครัวตักอาหาร เราจะต้องทำให้เรียบร้อยพร้อมแก่การเสิร์ฟถึงมือลูกค้า

5. การบริการของพนักงาน

เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของร้านอาหารเลยก็ว่าได้เพราะการบริการที่ดี ลูกค้าจะจดจำไปตลอดรวมถึงยังเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ร้านหมูกระทะของคุณอีกด้วย ดังนั้นการบริการของพนักงานจึงเป็นสิ่งสำคัญในการต้อนรับลูกค้าที่มาในร้านเราทุกคน  เปิดร้านหมูกระทะ ทั้งทีก็ต้องมีบริการดีๆ ควบคู่ไปด้วย

6. การบริหารจัดการร้านที่ดี

 เปิดร้านหมูกระทะ กุญแจสำคัญที่จะทำให้ร้านหมูกระทะของคุณประสบความสำเร็จได้ไม่ยากนั่นก็คือ การบริหารจัดการที่ดีตั้งแต่คำนวณต้นทุนรวมถึงการเปิดร้าน บริหารการสั่งซื้อและสต๊อกวัตถุดิบต่างๆ การจัดการบุคลากรและพนักงานรวมถึงประสิทธิภาพของธุรกิจ

7. พร้อมปรับปรุงและพัฒนาร้านอยู่เสมอ

สิ่งสำคัญในการลงทุนร้านหมูกระทะนั่นก็คือการที่เราได้รับการตอบรับหรือการเสนอความคิดเห็นจากลูกค้าเมื่อเรานำมาปรับปรุงแน่นอนว่าคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือเจ้าของและเป็นการตลาดเพื่อดึงดูดให้ลูกค้านั้นเข้าร้าน

สรุปบทความ

ถ้าหากใครอยากเปิดร้านหมูกระทะ อาหารยอดนิยมฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองของเมืองไทย ก็สามารถนำคำแนะนำจากเว็บไซต์ของเราไปปรับปรุงและตัดสินใจก่อนที่จะเปิดร้านรับรองว่ามีแต่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอน รวมถึงก่อนจะเปิดร้านเราจะต้องคำนึงถึงทำเลที่ตั้งต่างๆ ความสะดวกสบายที่ลูกค้านั้นจะเข้าถึงได้ในร้านของเราและหลังจากเปิดแล้วก็ควรมีการปรับปรุงคุณภาพของร้านอยู่เสมอจึงจะเป็นร้านหมูกระทะที่มีคุณภาพตลอดไป ระบบในร้านที่ต้องใส่ใจเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นออเดอร์ การคิดเงิน การตรวจสอบสลิปโอนเงิน เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้